|
|
1. ข้าสาบานต่อวันกิยามะฮฺ
|
|
2. และข้าขอสาบานต่อชีวิตที่ประณามตนเอง (*1*)
|
(1) ข้าขอสาบานต่อวันแห่งการฟื้นคืนชีพ วันแห่งการชำระบัญชีและการตอบแทน และข้าขอสาบานต่อชีวิตที่ศรัทธายำเกรงซึ่งมันประณามตนเองที่ไม่จงรักภักดีและกระทำความชั่ว
|
|
3. มนุษย์คิดหรือว่า เราจะไม่รวบรวมกระดูกของเขากระนั้นหรือ ? (*1*)
|
(1) อัลลอฮฺ ตะอาลาทรงสาบานต่อวันกิยามะฮฺ เพราะความยิ่งใหญ่และความน่ากลัว และทรงสาบานต่อชีวิตที่ประณามตนเองในความบกพร่องที่มีต่ออัลลอฮฺ และมันขออภัยโทษและสำนึกผิดกลับเนื้อกลับตัวพร้อมกับจงรักภักดีและกระทำความดี คำว่ามนุษย์ในที่นี้หมายถึงมนุษย์ที่ปฏิเสธศรัทธาปฏิเสธการฟื้นคื้นชีพว่าเราไม่สามารถที่จะรวบรวมกระดูกของเขาหลังจากที่มันได้กระจัดกระจายกระนั้นหรือ? นักตัฟซีรกล่าวว่าอายะฮฺนี้ถูกประทานลงมาเพราะ อะดียฺ อิบนฺ ร่อบีอะฮฺ ได้มาหาท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เพื่อถามเกี่ยวกับเรื่องของวันกิยามะฮฺ เมื่อท่านร่อซูลได้บอกแก่เขาแล้ว เขาก็ไม่เชื่อ อายะฮฺนี้จึงถูกประทานลงมา
|
|
4. แน่นอนทีเดียวเราสามารถที่จะทำให้ปลายนิ้วมือของเขาอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์
|
|
5. แต่ว่ามนุษย์นั้นประสงค์ที่จะทำความชั่ว
|
|
6. เขาถามว่า เมื่อใดเถ่าวันแห่งการฟื้นคืนชีพ (จะเกิดขึ้น) (*1*)
|
(1) อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงตอบเขาว่า แน่นอนเราสามารถที่จะทำให้ปลายนิ้วมือของเขา ซึ่งเป็นอวัยวะส่วนเล็กที่สุด ให้กลับคืนสู่สภาพเดิมได้ แต่ว่ามนุษย์ยังคงยืนกรานที่จะกระทำความชั่ว ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธวันกิยามะฮฺ และถามว่าเมื่อใด วันแห่งการฟื้นคืนชีพจะเกิดขึ้นเป็นคำถามเชิงเย้ยหยัน
|
|
7. แต่เมื่อสายตามืดมัว
|
|
8. และเมื่อดวงจันทร์ถูกบดบังอยู่ในความมืด
|
|
9. และเมื่อดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ถูกนำมารวมกัน
|
|
10. วันนั้นมนุษย์จะกล่าวขึ้นว่าไหนเล่าทางหนี ? (*1*)
|
(1) เมื่อวันกิยามะฮฺได้เกิดขึ้นสายตาก็จะมืดมัวและหลอนเพราะความกลัว ดวงจันทร์ก็จะมืดลงไม่มีแสง และเมื่อดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ถูกนำมารวมกันแสงของมันทั้งสองจะดับวูบลงและนั่นหมายถึงการเปลี่ยนแปลงของจักรวาลซึ่งจะทำให้การมีชีวิตสิ้นสุดลง แล้วมนุษย์ผู้ปฏิเสธศรัทธาจะกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าเราจะหนีไปทางไหนดี
|
|
11. เปล่าเลย ! ไม่มีที่พึ่งพิงดอก
|
|
12. ในวันนั้น ยังพระเจ้าของเจ้าเท่านั้น คือที่พักอันสงบสุข
|
|
13. วันนั้นมนุษย์จะถูกแจ้งให้ทราบถึงสิ่งที่ได้กระทำไว้ล่วงหน้าและภายหลัง (*1*)
|
(1) เป็นการตอบปฏิเสธ เมื่อถามถึงทางหนีว่า ไม่เลย! ไม่มีที่พักพิงสำหรับเขาเลยและก็ไม่มีผู้ใดจะช่วยเหลือเขาให้พ้นจากการลงโทษของอัลลอฮฺได้ และทางกลับของพวกเขานั้นคืออัลลอฮฺ พระเจ้าของเจ้าซึ่งจะให้ที่พำนักแก่เขาบางทีก็สวรรค์ หรือนรกเมื่อยามอวสานเกิดขึ้นมนุษย์ก็จะได้รับแจ้งถึงการงานของเขาที่ได้กระทำไว้เมื่อขณะมีชีวิตอยู่ทั้งดีและชั่ว
|
|
14. เปล่าเลย ! มนุษย์นั้นเป็นพยานต่อตัวของเขาเอง (*1*)
|
(1) เมื่อมนุษย์ได้ถูกขอร้องให้พูด เขาจะบอกกล่าวถึงสิ่งที่ได้กระทำไปและเขาพยายามที่จะแก้ตัวแต่อวัยวะก็จะพูดขึ้นเป็นพยานต่อตัวของเขาเอง
|
|
15. ถึงแม้ว่าเขาจะเสนอข้อแก้ตัวของเขาก็ตาม
|
|
16. เจ้าอย่ากระดิกลิ้นของเจ้าเนื่องด้วยอัลกุรอานเพื่อเจ้าจะรีบเร่งจดจำ
|
|
17. แท้จริง หน้าที่ของเราคือการรวบรวมอัลกุรอาน (ให้อยู่ในทรวงอกของเจ้า) และการอ่านเพื่อให้จดจำ
|
|
18. ดังนั้นเมื่อเราอ่านอัลกุรอาน เจ้าก็จงติดตามการอ่านนั้น
|
|
19. แล้วแท้จริงหน้าที่ของเราคือ การอธิบายอัลกุรอาน (*1*)
|
(1) คือเจ้า (มุฮัมมัด) อย่ารีบอ่านอัลกุรอานก่อนที่ญิบรีลจะอ่านให้เสร็จสิ้นก่อน โดยเกรงว่าจะลืมบางส่วนแท้จริง เรามีหน้าที่รวบรวมอัลกุรอานให้อยู่ทรวงอกของเจ้าอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อญิบรีลอ่าน เจ้าจงฟังและอ่านและปฏิบัติตามข้อบัญญัติที่มีอยู่ในนั้น แล้วเราก็จะชี้แจงอธิบายแก่เจ้าถึงข้อขัดข้องที่เกี่ยวกับความหมาย
|
|
20. เปล่าเลย ! แต่ว่าพวกเจ้ารักการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้
|